Search

STGT ปิดการขายหุ้น IPO หลังนักลงทุนสถาบันและรายย่อยจองซื้อคึกคัก - การเงินธนาคาร

ekonomigermany.blogspot.com

บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย)หรือ STGT ปิดการขายหุ้น IPO จำนวน 438,780,000 หุ้น ที่ราคาเสนอขายสุดท้ายหุ้นละ 34บาท หลังนักลงทุนสถาบันและรายย่อยตอบรับจองซื้ออย่างคึกคักมากกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรไว้ จากจุดเด่นธุรกิจที่เป็นผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่อันดับ 3 ของโลกในปัจจุบัน และดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นจากทั่วโลก

เตรียมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 2 กรกฎาคมนี้ พร้อมนำเงินจากการระดมทุนใช้ขยายและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต พัฒนาระบบไอที ชำระเงินกู้สถาบันการเงินและเป็นเงินทุนหมุนเวียน ชูแผนขยายกำลังการผลิตติดตั้งอย่างต่อเนื่องจากปัจจุบันประมาณ 32,619 ล้านชิ้นต่อปี เป็นประมาณ 100,000 ล้านชิ้นต่อปีภายในปี 2575


นายวราห์ สุจริตกุล กรรมการบริหารบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายเปิดเผยว่า ในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ของบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) หรือ STGT เมื่อวันที่ 23-25 มิถุนายนที่ผ่านมา สามารถปิดการเสนอขายหุ้น IPO จำนวนทั้งสิ้น 438,780,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 30.7 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออก และเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้  ที่ราคาเสนอขายสุดท้ายหุ้นละ 34 บาท

โดยได้รับการตอบรับที่ดีมากจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยที่จองซื้ออย่างคึกคัก โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันที่แสดงความต้องการจองซื้อในช่วงการทำ Bookbuilding อย่างคึกคักมากกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรไว้เนื่องจากมั่นใจในศักภาพทางธุรกิจของ STGT ที่เป็นผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และเป็นผลิตภัณฑ์ ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรมต่างๆ จากทั่วโลกเพราะสามารถปกป้องการสัมผัสเพื่อความปลอดภัยด้านสุขอนามัย นอกจากนี้ ยังมีความต้องการใช้สินค้าเพิ่มขึ้นในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของCOVID-19

นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ร่วมจัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO ของ STGT ในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าเป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน เนื่องจากเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตถุงมือยางที่มีการส่งออกสินค้าจำหน่ายในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกและไม่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ขณะที่สมาคมผู้ผลิตถุงมือยางแห่งมาเลเซีย (MARGMA) ประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมถุงมือยางของโลกปี 2559-2562 มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 12% นอกจากนี้ COVID-19 เป็นปัจจัยเร่งที่ทำให้อุตสาหกรรมต่างๆ หันมาใช้ถุงมือยางเพิ่มขึ้น จึงคาดว่าจะหลังจากเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง

นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางธรรมชาติและถุงมือยางไนไตรล์รายใหญ่ของโลก กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 2กรกฎาคมนี้ โดยใช้ชื่อย่อ ‘STGT’ ในการซื้อขายหลักทรัพย์ คาดว่าจะได้รับความสนใจเช่นเดียวกับการเสนอขายหุ้น IPO ในช่วงก่อนหน้านี้ ที่มีนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันตอบรับการจองซื้ออย่างคึกคัก

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO ไปใช้ขยายกำลังการผลิตและปรับปรุงประสิทธิภาพผลิตติดตั้งระบบ SAP ชำระเงินกู้สถาบันการเงินและเป็นเงินหมุนเวียนในกิจการ โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 บริษัทฯ มีกำลังการผลิตติดตั้งถุงมือยางรวมประมาณ 32,619 ล้านชิ้นต่อปี จากโรงงานหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สุราษฎร์ธานีและตรัง และมีแผนงานขยายกำลังการผลิตติดตั้งอย่างต่อเนื่อง เป็นมากกว่า 50,000 ล้านชิ้นต่อปี ภายในปี 2567ทั้งการขยายกำลังการผลิตในโรงงานเดิมที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตรัง และก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ในอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลาและที่จังหวัดชุมพร จากนั้นจะขยายกำลังการผลิตติดตั้งเป็นมากกว่า 70,000 ล้านชิ้นภายในปี 2571 และจะขยายเป็นประมาณ 100,000 ล้านชิ้นในปี 2575

นอกจากนี้บริษัทฯ วางแผนขยายตลาดใหม่ในกลุ่มประเทศที่มีโอกาสเติบโตสูง อาทิ ทวีปเอเชียแปซิฟิก แอฟริกา อเมริกาใต้ ฯลฯ ซึ่งกำลังพัฒนาระบบสาธารณสุขและสุขอนามัย ดังนั้นอัตราการบริโภคถุงมือยางเฉลี่ยต่อคนต่อปีจึงมีโอกาสเติบในอนาคตโดย STGT จะใช้จุดแข็งด้านทำเลที่ตั้งของโรงงานในประเทศไทย ซึ่งอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์การเพาะปลูกยางพารา และอยู่ใกล้โรงงานผลิตน้ำยางข้นของกลุ่ม STA ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทฯ และเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของโลก จึงมีความได้เปรียบด้านต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ผลิตถุงมือยาง

ส่วนภาพรวมการดำเนินงานปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวม 12,224.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10.3%  และมีกำไรสุทธิ 613.91 ล้านบาท เนื่องจากมีปริมาณการขายสินค้าเพิ่มขึ้นจากการขยายตลาดใหม่ๆ อาทิ ประเทศอินเดีย แอฟริกาใต้ ประเทศในแถบละตินอเมริกา ฯลฯ และการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน  ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2563 มีรายได้รวม 3,873.28 ล้านบาท เติบโต 28.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 421.89 ล้านบาท เติบโต 184.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน




June 29, 2020 at 10:40AM
https://ift.tt/2YGzTnr

STGT ปิดการขายหุ้น IPO หลังนักลงทุนสถาบันและรายย่อยจองซื้อคึกคัก - การเงินธนาคาร

https://ift.tt/345xfZf


Bagikan Berita Ini

0 Response to "STGT ปิดการขายหุ้น IPO หลังนักลงทุนสถาบันและรายย่อยจองซื้อคึกคัก - การเงินธนาคาร"

Post a Comment

Powered by Blogger.