Search

DIF กระทบแค่ไหน? หลัง TRUE "ร้อนเงิน" จำใจขายทิ้ง - efinanceThai

ekonomigermany.blogspot.com

ข่าวการขายหน่วยลงทุน DIF ของ TRUE ดูเหมือนจะสร้างความวิตกให้นักลงทุนอยู่ไม่น้อย เพราะที่ผ่านมา TRUE ไม่ได้ขายหน่วยลงทุนออกมาบ่อยนัก และครั้งนี้ก็ยังขายออกมาที่ราคาต่ำกว่ากระดานและราคาเพิ่มทุนรอบก่อนด้วย แต่ราคาหน่วยลงทุนที่ลดลง กดดันรายย่อยให้ขายตามหรือไม่? เพราะปัจจัยพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป กระแสเงินสดยังเติบโตต่อเนื่อง 7 - 8% และมีปันผลที่สูงราว 6-7% ในปีนี้รออยู่


*** DIF เจอเท! TRUE ขาย 300 ล้านหน่วย ฟาด 4.4 พันลบ.


ราคาหน่วยลงทุนของ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือ DIF วันนี้เปิดตลาดร่วงต่อเนื่องเป็นวันที่สอง โดยลงไปทำจุดต่ำสุดช่วงเช้าที่ 15 บาท ทำนิวโลว์รอบ 2 เดือน ก่อนมาปิดตลาดเช้านี้ไปที่ 15.30 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ -1.29% ปริมาณหุ้นที่ซื้อขายเพิ่มขึ้น 318.29% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 วันทำการก่อนหน้า

สาเหตุที่ทำให้ DIF ราคาถอยกลับไปทำนิวโลว์ก็คือ การซื้อขายรายการใหญ่(BigLot)เช้านี้ทั้งหมด 300 ล้านหน่วยนั่นเอง ซึ่ง TRUE เป็นผู้จัดจำหน่ายหน่วยลงทุนจากรายการดังกล่าวทั้งหมด แบ่งเป็น DIF 46 รายการ รวม 159,250,000 หน่วย มูลค่า 2.34 พันล้านบาท และ DIF-F 2 รายการ 140,750,000 หน่วย มูลค่า 2.06 พันล้านบาท รายการทั้งหมดจำหน่ายในราคาเฉลี่ย 14.70 บาท รวมมูลค่า 4.41 พันล้านบาท

โดยที่ TRUE ระบุว่าราคาขายหน่วยลงทุนนั้นได้พิจารณาจากการสํารวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของนักลงทุน (Book Building)


*** ราคาต่ำกว่าทั้งบนกระดาน และราคาเพิ่มทุนรอบก่อน มีโอกาสขายได้อีก


ประเด็นนี้ บริษัทหลักทรัพย์(บล.)โนมูระ พัฒนสิน มองเป็นประเด็นลบเล็กน้อยต่อข่าว TRUE ขายหุ้นที่ถือใน DIF จำนวน 300 ล้านหุ้น คิดเป็น 2.8% ของจำนวนหุ้นชำระแล้วที่ 10,631.65 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 14.50 - 14.80 บาท/หุ้น เนื่องจากราคาขายหุ้น DIF ต่ำกว่าราคาปิดวานนี้ราว 5 - 6% และต่ำกว่าราคาเพิ่มทุนครั้งที่ 2 ราว -9% (DIF เพิ่มทุนครั้งที่ 2 ราคา 15.90 บาท)


บล.กสิกรไทย ระบุว่าการที่ TRUE ขายหน่วยลงทุน DIF สัดส่วน 2.8% ออกมาด้วยส่วนลดที่ 5 - 7% ของราคาตลาดยิ่งนำไปสู่บรรยากาศเชิงลบต่อทิศทางราคาหุ้นของ DIF ในระยะสั้น แม้จะไม่เห็นผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐาน แต่คาดว่าสัดส่วนการถือหน่วยลงทุน DIF ของ TRUE ที่กำหนดให้ถือไม่ต่ำกว่า 20% (ก่อนขาย BigLot 28.9%) ซึ่งสะท้อนถึงโอกาสในการขายหุ้นออกมาได้อีก 6%


ด้วยความเสี่ยงนี้จึงแนะนำ "ถือ" เราชอบคุณภาพสินทรัพย์ อายุสัญญาที่ยาวนาน และผลตอบแทนที่ดีของ DIF แต่ด้วยส่วนต่างผลตอบแทนถึง 4% เราจึงชอบ JASIF มากกว่า DIF


*** จังหวะเก็บ! พื้นฐานไม่เปลี่ยน กระแสเงินสดโต - ปันผลสูง 6-7%


บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่าอย่างไรก็ตามปัจจัยพื้นฐาน DIF ยังไม่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยหลังการขายหุ้นครั้งนี้ TRUE ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วนราว 26.1% ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/63 เราคาดว่า DIF จะมีกระแสเงินสดเติบโตต่อเนื่องทั้ง YoY และ QoQ ตามค่าเช่าที่ได้รับจากกลุ่ม TRUE รวมทั้งคาดว่า DIF จะสามารถจ่ายเงินปันผลหน่วยละ 0.26 บาท/หุ้น (อัตราผลตอบแทน 2%) ใกล้เคียงกับไตรมาส 1/63


ขณะที่ทั้งปี 63 คาดรายได้หลักจะเติบโตราว 7 - 8% YoY จากรายได้ค่าเช่าจากการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งที่ 4 เต็มปี และมีโอกาสเติบโตจากผู้เช่ารายใหม่ในอนาคต ส่วนปันผลคาดว่าในปี 63 DIF จะจ่ายเงินปันผลต่อหน่วยราว 1.04 - 1.05 บาท/หุ้น คิดเป็นให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ย 6 - 7%


โดย Consensus ประเมิน TP ของ DIF ที่ 18.10 บาท


ด้านบล.หยวนต้า มองรายได้ปีนี้จะอยู่ที่ 1.37 หมื่นล้านบาท จากแรงหนุนการรับรู้รายได้ส่วนเพิ่มจากสินทรัพย์ใหม่รอบที่ 4 ทั้งนี้จากการปันผลไตรมาสแรกคิดเป็น 25% ของทั้งปีจึงคาดปีนี้จ่ายปันผลที่ 1.04 บาท/หน่วย คิดเป็นอัตราเงินปันผล 6.5%


แนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 17.40 บาท เป็นโอกาสสะสม หรือพักเงินในช่วงตลาดผันผวนสำหรับนักลงทุนที่มองหาปันผลระดับ 6% ต่อปี


*** เชื่อ TRUE ร้อนเงิน! ไม่ใช่เพราะธุรกิจไม่ดี


ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่าการที่ TRUE ขายหน่วยลงทุน DIF ออกมานั้น อาจไม่ใช่เพราะมองเห็นธุรกิจไม่ดี แต่เป็นเพราะแนวโน้มขาดทุนของ TRUE ที่ทำให้บริษัทขาดเงินสด และ D/E สิ้นไตรมาส 1/63 ก็สูงมากถึง 2.3 เท่า จาก 1.2 เท่าในไตรมาส 4/63


ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ ระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่า สาเหตุที่หนี้สินเพิ่มขึ้นมาจากการที่บริษัทออกหุ้นกู้ 3.7 หมื่นล้านบาทไปเมื่อปลายปี 62 และมีเงินกู้ใหม่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 1/63 เพื่อนำไปชำระค่าใบอนุญาต ประกอบกับส่วนของทุนที่ลดลง ดังนั้นผลประกอบการที่มีแนวโน้มจะขาดทุนต่อเนื่องอีก น่าจะทำให้ TRUE มียอดเงินกู้เพิ่มขึ้นเพื่อชำระให้เจ้าหนี้การค้าที่ครบกำหนดในปีนี้ ดังนั้นสถานะการเงินจะยิ่งอ่อนแอมากขึ้นอีก


สอดคล้องกับที่ บล.ทิสโก้ ระบุว่า ในกรณีที่ปีนี้ TRUE ขาดทุน 4.77 พันล้านบาท จะทำให้บริษัทขาดเงินสดราว 3.7 หมื่นล้านบาท ดังนั้น TRUE อาจต้องขายสินทรัพย์เข้า DIF เพิ่มขึ้น รวมถึงขายหุ้น DIF ทำให้สัดส่วนการถือลดลงเป็น 18%


ราคา DIF น่าจะมึนๆแกว่งตัวไปสักระยะ หลังจากที่โดนเทราคาต่ำกว่ากระดานเช่นนี้ แต่ระยะยาวด้วยพื้นฐานธุรกิจที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป คือมีกระแสเงินสดเติบโตทุกปี และปันผลระดับ 6 - 7% ก็น่าจะดึงดูดให้นักลงทุนกลับเข้ามาอีกครั้ง และจากหลักฐานก็พบว่าที่ TRUE ต้องขายออกมาต่ำกว่ากระดานนั้นน่าจะเพราะ "ร้อนเงิน" มากกว่า "มองว่าธุรกิจไม่ดี"!




June 18, 2020 at 02:04PM
https://ift.tt/2YcWYhq

DIF กระทบแค่ไหน? หลัง TRUE "ร้อนเงิน" จำใจขายทิ้ง - efinanceThai

https://ift.tt/345xfZf


Bagikan Berita Ini

0 Response to "DIF กระทบแค่ไหน? หลัง TRUE "ร้อนเงิน" จำใจขายทิ้ง - efinanceThai"

Post a Comment

Powered by Blogger.