Search

เจ้าสัวสั่งบริษัทอสังหาฯในเครือ ช้อนซื้อที่ดินในเมือง-จีนจ้องเทกฯรร. - ผู้จัดการออนไลน์

ekonomigermany.blogspot.com


บริษัทอสังหาฯในเครือข่ายทุนเจ้าสัว ส่งออเดอร์ผ่านไปยังบริษัทที่ปรึกษาการลงทุน จ้องช้อนซื้อที่ดินในแปลงในเมือง ราคาไม่เวอร์ ราคาดี ด้านนายกส.ภูเก็ต ยอมรับ โรงแรมหลายแห่งในภูเก็ตประสบปัญหา ประกาศขายกิจการ ทุนจีนรุกคืบขยายแชร์อสังหาฯในภูเก็ต ร่วมทุนกับบริษัทท้องถิ่นผุดโครงการ จับตา"กองทุนฯ"นอก งบไม่อั้น เบื้องต้นวางไว้ 10,000ล้านบาท สนใจออฟฟิศ โรงแรม ชี้ การท่องเที่ยวในไทยังเติบโต

แหล่งข่าวในวงการอสังหาริมทรัพย์ เผยว่า ขณะนี้ มีความเคลื่อนไหวของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นเครือข่ายของกลุ่มเจ้าสัวใหญ่ไม่ว่าจะเป็น บริษัททีซีซี แลนด์ , บริษัท แผ่นดินทอง ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) รวมถึงบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) มีคำสั่งผ่านมายังบริษัทที่ปรึกษาการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ในการซื้อที่ดินในเมือง เช่น โซนสีลม สาทร และสุขุมวิท ราคาไม่เวอร์ ราคาดี ก็เสนอเข้ามา ทางMQDC มีนโยบายพร้อมช้อนเก็บไว้

"ที่ดินในกรุงเทพฯ ราคาคงไม่ลง แลนด์ลอร์ดคงไม่มีใครเทขายออกมา บางแปลงราคาขึ้นไปรออนาคตแล้ว ขณะที่บางบริษัทที่เป็นผู้นำพัฒนาโครงการแนวรถไฟฟ้า มีความพยายามที่จะบริหารสภาพคล่องภายในองค์กรมาแล้ว 3-4 ปี ทั้งการขายหุ้นให้กับบริษัทที่ไม่ได้ทำธุรกิจอสังหาฯ หรือขายตึกออกไป ล้วนแล้วแต่เป็นทางออกที่ดีให้กับองค์กร เนื่องจากพื้นฐานการทำธุรกิจของบริษัทดังกล่าว จะตุนแลนด์แบงก์ค่อนข้างเยอะ ราคาสูงด้วย เลยมีผลต่อสภาพคล่องของบริษัทฯ ตอนนี้ ผู้บริหารไม่ฝืนทำโครงการ" แหล่งข่าวกล่าว

นายพัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล
จีนสนใจซื้อโรงแรม-JVทุนท้องถิ่นผุดโครงการ

นายพัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตว่า กำลังซื้อหายไปทุกตลาด เนื่องจากผู้ซื้อขาดความเชื่อมั่นในการสร้างหนี้ระยะยาว และไม่มั่นใจตนเองจะสามารถยืนอยู่ได้นาน มีรายได้ที่คงที่เพื่อชำระหนี้ที่อยู่อาศัย ในภาวะที่เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยชะลอตัวลง ซึ่งกลุ่มที่มีกำลังซื้อมีเงินสดอยู่ในมือ ก็ยังมีอยู่ในตลาด แต่ไม่กล้าที่จะซื้ออสังหาฯ อย่างไรก็ตาม ด้วยความอ่อนแอของเศรษฐกิจและภาคธุรกิจ ทำให้เห็นโรงแรมหลายแห่งประกาศขายกิจการพอสมควร เพียงการขายทิ้งต้องพิจารณาเงื่อนไข ในภาวะแบบนี้ความเสี่ยงทางธุรกิจสูง การเปิดให้บริการอีกครั้ง ยังไม่แน่ชัดจะใช้เวลากี่เดือนจะพลิกฟื้นขึ้นมาได้เหมือนเดิม ผู้ประกอบการอาจจะยินดีขายโรงแรมให้กับกลุ่มทุนรายใหม่ที่สนใจ

"กลุ่มทุนเจ้าสัว ก็เยอะ แต่ไม่โฉงฉาง เพราะโอกาสในการซื้อมันมี ธุรกิจมันดาวน์ลง การซื้อของถูกมันง่าย ซึ่งผู้ขายอาจจะดูเรื่องภาระหนี้กับแบงก์ ถ้าขายแล้วพอคืนแบงก์ได้ ก็ตัดสินใจ หรือแม้แต่กลุ่มทุนจีนเข้ามีมาเยอะ จะเป็นรูปแบบ Investing หรือหาช่องทางในการทำโครงการ ร่วมทุนกับทุนท้องถิ่นพัฒนาโครงการขึ้นมา ก่อนหน้านี้ จีนจะซื้อยกชั้นในคอนโดฯ เพื่อนำไปขายหรือนำแขกมาพักในช่วงวันหยุด"

สำหรับราคาที่ดินในภูเก็ต ในภาวะแบบนี้ ราคาไม่ได้ขยับขึ้นเลย ราคาตั้งขายไม่ลงแต่เป็นช่วงที่ราคาสามารถต่อรองกันได้ เนื่องจากต้องการถือเงินสดไว้ให้มากที่สุด แต่ถ้าเป็นแลนด์ลอร์ด เรื่องการลดราคาคงจะยากอยู่ เพราะมีกระแสเงินสดอยู่ในมือพอสมควร ซึ่งราคาที่ดินในภูเก็ตในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา บางทำเลราคาปรับขึ้นเกือบ 100% แต่ในภาวะปัจจุบัน ราคาที่ดินยังปรับขึ้นแต่ไม่มากเฉลี่ย 10-15%

" ไม่ใช่แค่ภาคอสังหาฯเหนื่อย ธุรกิจค้าปลีก ก็ลำบาก ถ้าจะเปรียบเทียบ ภูเก็ต ก็เหมือนถุงเงิน 1 ถุง หมุนใช้ภายในถุง แต่ตอนนี้ ไม่มีเงินนอกเข้ามาเติมใส่ในถุงเงินนี้ สุดท้ายเงินก็หมดไป เพราะไม่มีเงินจากนักท่องเที่ยวเข้ามาเลย และต่อให้เปิดเกาะ นักท่องเที่ยวเข้ามาไม่พอ เงินในถุงก็ลดอยู่ดี "นายพัทธนันท์ กล่าว

นายภัทรชัย ทวีวงศ์
ทุนนอกหมื่นล้านรอช้อนอสังหาฯ-โรงแรมราคาถูก

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อทุกภาคธุรกิจ ซึ่งหากสถานการณ์ลากยาวเกินไปกว่าไตรมาส 3 ธุรกิจที่เกี่ยวกับการบริการเช่น โรงแรม ก็อาจจะไม่สามารถประคองตัวเองได้และอาจจะต้องปิดกิจการลง ซึ่งแน่นอน ครั้งนี้เป็นวิกฤต และจะเริ่มเห็นสัญญาณของกลุ่มที่มีเงินเก็บ หรือมีเงินก้อนที่มีอยู่ในมือเยอะค่อนข้างได้เปรียบในสถานการณ์แบบนี้ และจะทำให้ Capital Market (หมายถึง การซื้อขายและการลงทุน หลังโควิด-19 เริ่มดีขึ้นนั้น) จะเกิดอาการเข้าช้อนซื้อโครงการ จะส่งผลให้ Capital Market ค่อนข้างเติบโตมาก อย่างเช่น ในกลุ่มโรงแรม หรือคอนโดมิเนียม จะมีการเข้าไปเทกโอเวอร์และซื้อขาดค่อนข้างเยอะ

สำหรับผู้ประกอบการที่เดินต่อไปไม่ไหว ผู้ซื้อใหม่จะได้เปรียบในเรื่องการกำหนดราคา ผู้ขายต้องถูกบีบราคาแน่นอน และจะต้องอยู่ในทำเล (โลเคชั่น) ที่ยังไปได้ และมีโอกาสในการลงทุน เช่น ธุรกิจอาคารสำนักงาน ยังมีโอกาสเติบโตและเป็นที่ต้องการของทุนต่างชาติที่จะเข้ามาซื้อ(ดีมานด์)โครงการ อย่างเช่น พระราม 9 เป็นที่ต้องการ แต่ไม่มีอาคารสำนักงานประกาศขาย ยกเว้น อาคารสร้างค้างใกล้สี่แยกพระราม 9 ที่ได้ทุนใหม่เข้ามาปรับปรุงอาคารใหม่ ( บริษัท แคส แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด เข้าไปซื้ออาคารและเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น CAS Centre เดิมชื่อตึก I.C.E.Tower )

"มีกลุ่มผู้ซื้อจากต่างชาติ ประสานมายังคอลลิเออร์สฯ สนใจซื้อโรงแรมในประเทศไทยหลายโรง แต่พอมีวิกฤตเกิดขึ้น คนซื้อจะรู้เลยว่า มีของเสนอขายเข้ามามาก ราคาถูกต่อรองเยอะมาก เช่น 1,000 ล้านบาท กดเหลือ 700 ล้านบาท ราคาต่อรองขั้นต่ำถึง 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถ้าผู้ประกอบการรายไหนไม่ไหวจริงๆ ก็ตัดใจขาย แต่ถ้าพอยังมีแรงอยู่ สงวนท่าที ก็ประคับประคองไปก่อน"

โดยในช่วงนี้ กลุ่มที่มีทุนหนา จะเป็นผู้ที่มีโอกาสมากที่สุด จะเกิดการลงทุนการซื้อขายโครงการจำนวนมาก(บิ๊กล็อต)ค่อนข้างเยอะ เช่น ซื้อโครงการอสังหาฯเพื่อเข้ากองรีท เนื่องจากผู้ลงทุนมองเห็นว่า ภาพรวมอสังหาฯในไทยยังเติบโต อย่างเช่น อาคารสำนักงานให้ผลตอบแทนที่ดี โรงแรมยังไปได้ เนื่องจากตัวเลขนักท่องเที่ยวในไทยช่วงที่ผ่านมาสูงถึง 40 ล้านคน มากสุดในภูมิภาคเอเชีย ทำให้ภูเก็ต และพัทยา ยังเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวอยู่ดี

ขณะที่แม้ซัปพลายคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯยังล้นตลาด แต่ก็ยังมีดีมานด์ที่จะเข้าเทกโอเวอร์คอนโดฯในเมืองและโซนพระราม 9 เนื่องจากเป็นทำเลที่ยังลงทุนได้ ส่วนที่นอกเมือง หรือชานเมือง หรือรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ นักลงทุนจะไม่เอาเลย เพราะจะไปต่อยอดในการลงทุนยาก ซึ่งเราจะเห็นว่า ก่อนวิกฤต ระหว่างวิกฤต และหลังวิกฤต ก็เป็นโอกาสของคนที่มีเงินหนาอยู่แล้ว แต่การซื้อขายโครงการจะคุยเป็นเคสๆไป ไม่ใช่จะจบทั้งหมด




June 15, 2020 at 07:53AM
https://ift.tt/2YGibzk

เจ้าสัวสั่งบริษัทอสังหาฯในเครือ ช้อนซื้อที่ดินในเมือง-จีนจ้องเทกฯรร. - ผู้จัดการออนไลน์

https://ift.tt/345xfZf


Bagikan Berita Ini

0 Response to "เจ้าสัวสั่งบริษัทอสังหาฯในเครือ ช้อนซื้อที่ดินในเมือง-จีนจ้องเทกฯรร. - ผู้จัดการออนไลน์"

Post a Comment

Powered by Blogger.